แบ่งปันประสบการณ์จากการประชุมเชิงปฏิบัติการด้าน QA


          2 วันของการเข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ QA ตามโครงการ 1 ช่วย 9 ของ โดยสุดยอดวิทยากร รศ.อุษณีย์ คำประกอบ จึงขอแบ่งปันประสบการณ์อันเกี่ยวเนื่องใน 2 เรื่อง
          เรื่องแรก เป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการบรรยายของวิทยากร ที่ผมซาบซึ้งในความมีน้ำใจของท่านที่มีให้กับเรามาตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ยิ่งได้เห็นในครั้งนี้กับ “ความทุ่มเท” หรือ “การทำการบ้านอย่างหนัก” ของท่าน ผมพูดได้อย่างเต็มปากว่า ท่านคือกูรูด้าน QA แบบที่พูดได้สนิทใจว่า รู้จริง รู้ลึก รู้ถึงความเชื่อมโยงของเกณฑ์ต่างๆ ทั้งของ สกอ. และ สมศ. และที่สำคัญไปกว่า รู้ถึงเจตนารมณ์ของเกณฑ์ในแต่ละตัวบ่งชี้ ไม่ใช่เพียงแค่เข้าใจจากการตีความตามตัวอักษรที่ผู้ประเมินหลายคนรวมถึงตัวผมเองเข้าใจอยู่ สิ่งที่ได้เรียนรู้จาก 2 วัน ที่เสียเวลาไป มันจึงคุ้มค่ามาก เพราะ 1.เรานำไปเขียน/ปรับปรุง SAR ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อคะแนนที่จะได้เพิ่มขึ้น 2.การเรียนรู้ในบทบาทของความเป็นครู ที่ต้องเป็นผู้ให้ และมีความพร้อมที่จะให้ ทุกครั้งที่ต้องยืนหน้าชั้นเรียน คงจะต้องถามตัวเองเสมอว่า “วันนี้เราพร้อมแล้วหรือยัง” พร้อมทั้งการเป็นผู้ให้ด้วยจิตวิญญาณความเป็นครู และพร้อมในเนื้อหาบทเรียนที่จะให้ทั้งในเชิงลึกและเชิงกว้าง เหมือนที่ท่านวิทยากรบอกว่า อาจารย์ส่วนใหญ่มีทักษะวิชาชีพที่ได้ร่ำเรียนมาและเข้ามาเป็นอาจารย์ในทันที แต่สิ่งที่ขาดไป คือ บทบาทและหน้าที่ความเป็นครู ไม่ได้ร่ำเรียนมาด้วย สำหรับผมแล้ว อาชีพการเป็นครู/อาจารย์ มันจึงไม่ง่ายอย่างที่หลายคนคิด…..
          เรื่องที่สอง เป็นเรื่องของ “คนชอบกาแฟ” เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของการประชุม/สัมมนา ที่ต้องมีบริการ ชา/กาแฟ ในเวลา 10.30 น. และ 14.30 น. ส่งผลให้ในช่วง 2 วัน ที่ผ่านมา ผมดื่มกาแฟวันละ 3 แก้ว (รอบเช้ามาจากที่บ้านแล้ว 1 แก้ว) แต่ก็มีอาจารย์บางท่านไม่ดื่ม ทราบมาว่า Caffeine ทำให้ใจสั่น รวมถึงคนที่เป็นความดัน ก็ไม่ดื่ม บางคนดื่มแล้วมีผลข้างเคียง ทำให้ปวดหัว กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ หัวใจเต้นเร็ว แต่ผลจากงานวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้ ได้สรุปว่า การดื่มกาแฟในปริมาณปานกลาง ไม่ส่งผลใดๆ ต่อคนเป็นโรคหัวใจ ในทางตรงข้าม กาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) ในปริมาณที่มากกว่าผักและผลไม้หลายชนิดด้วยซ้ำ และผลจากงานวิจัยพบว่า การดื่มกาแฟเป็นประจำช่วยลดอัตราเสียงมะเร็งต่อมลูกหมาก ลดอัตราเสี่ยงโรคพาร์กินสัน ลดอัตราการเสียชีวิตจากหัวใจวายเฉียบพลัน ข้อมูลจากการวิจัยตลอด 26 ปี กับผู้หญิงมากกว่า 67,000 คน ในประเทศสหรัฐอเมริกา การดื่มกาแฟ 4 แก้วต่อวัน ลดอัตราเสี่ยงมะเร็งเยื่อบุมดลูก กาแฟยังช่วยลดระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก ลดปริมาณสารอินซูลินที่มีผลต่อโรคเบาหวาน
          สรุปแล้ว การประชุม 2 วันที่ผ่านมานั้น ผมได้ทั้งสุขภาพสมองและสุขภาพกาย คุ้มค่าจริงๆ ครับ

แหล่งข้อมูลเรื่องที่ 2 : The Nation ฉบับวันที่ March 1, 2012

เรื่องนี้ถูกเขียนใน ทั่วไป และติดป้ายกำกับ คั่นหน้า ลิงก์ถาวร

ใส่ความเห็น