แบ่งปันจากการสัมมนาเรื่อง “เพาะหุ้นเป็น เห็นผลยั่งยืน”

 middle

 

ชื่อผู้เข้ารับการฝึกอบรม/สัมมนาภายนอก

1. อาจารย์ดรรชกร ศรีไพศาล

  2. อาจารย์สวรัย นัยนานนท์

หัวข้อเรื่อง  เพาะหุ้นเป็น เห็นผลยั่งยืน

หน่วยงานที่จัด บริษัท เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)

วัน/เวลา วันที่ 20 สิงหาคม 2556 เวลา 08.30-17.00 น.

สถานที่จัด ห้องโลตัส ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตต์

1. เนื้อหาสาระของการฝึกอบรม/สัมมนา สรุปได้ดังนี้

นิสัยที่จำเป็นในการเป็นนักลงทุนระยะยาวที่ประสบความสำเร็จ

1. มีความสุขกับการลงทุน

2. ใช้เงินเยี่ยงทาส

3. กล้าตัดสินใจ

4. คิดบวกกับการลงทุน

5. อดทน

6. อย่าพยายามคาดการณ์ทิศทางตลาด

7. อย่าเชื่อคำแนะนำของผู้อื่น

8. รักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพราะกว่าหุ้นที่ดีที่เราลงทุนจะออกดอกออกผลใช้เวลานาน เราต้องรักษาสุขภาพไว้ใช้เงินนั้น

สิ่งที่ต้องดูว่าหุ้นตัวไหนดีหรือไม่ดี

1. กำไรต่อหุ้น (Earnings per Share, EPS) ต้องเติบโตสม่ำเสมอ

2. อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin, GPM) = (รายได้ – ต้นทุน)/รายได้คงที่หรือเพิ่มขึ้น

3. ค่าใช้จ่ายจากการขายและการบริหารต่อรายได้ (Selling and Administration Expenses, SG&A to Sales)ลดลง แสดงว่าแบรนด์สินค้าแข็งแกร่ง ไม่ต้องเสียค่าโฆษณาเยอะ

4. ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษี (Interest Expenses to EBIT)ลดลงและอยู่ในระดับต่ำ หากไม่มีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเลยยิ่งดี แสดงให้เห็นถึงการเติบโตได้โดยไม่ต้องพึ่งหนี้สิน

5. หนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (Interest Bearing Debt to Equity) ต่ำและลดลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงว่าการเงินแข็งแกร่ง และจะไม่มีปัญหาหนี้สินล้นพ้นตัวตอนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ

6. อัตราส่วนผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (Return on Equity, ROE) เป็นอัตราส่วนกำไรสุทธิหารด้วยส่วนผู้ถือหุ้น

ต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ROE สูง P/E และ P/BV ก็จะสูงด้วยไม่ควรซื้อขายที่ P/E สูงกว่า ROE หากเกินแสดงว่าแพง

7. ผู้บริหารเป็นคนดี มีหลักการ

 

โดยหลักการทั้ง 7 ข้อ ต้องดูกัน 10 ปี เพราะจะผ่านวิกฤติใหญ่ๆ มาเรียบร้อยแล้วอย่างน้อย 2 ครั้ง

การจัดการเงินเพื่อให้มีกำลังในการซื้อหุ้นตลอดเวลา

ทฤษฎี 50:50 ของเบนจามิน เกรแฮม

ลงทุนในหุ้น : ลงทุนสินทรัพย์ที่ใกล้เคียงเงินสด เช่น กองทุนตลาดเงิน (Money Market) หรือ กองทุนตราสารหนี้= 50:50

หากหุ้นขึ้น ขายหุ้นมาซื้อกองทุนสภาพคล่อง เพื่อให้สัดส่วนกลับมาเป็น 50:50

หากหุ้นตก ขายกองทุนสภาพคล่องมาซื้อหุ้น ให้เป็น 50:50 เหมือนเดิม

อาจปรับเพิ่มหุ้นเป็น 70% หากต้องการเสี่ยงเพิ่ม แต่ต้องมีเงินสดติดตัวเพื่อซื้อหุ้นไว้เสมอ

ควรลงทุนในหุ้นเดือนละ 10,000 บาท เริ่มตอนอายุ 40 ปี เมื่อเกษียณจะมีเงิน 10 ล้านบาท โดยมีผลตอบแทนที่ 12% ซึ่งเป็นผลตอบแทนเฉลี่ยที่ได้จากตลาดหุ้น

2. ประโยชน์ที่ท่านสามารถนำมาใช้กับการปฏิบัติงานได้ ดังนี้

แนวคิดด้านการลงทุนในหุ้น จะช่วยสนับสนุนให้หมั่นคิดหาหนทางที่บริหารเงินให้งอกเงย เพื่อเป็นการวางรากฐานและหลักประกันให้กับตนเองและครอบครัวในอนาคตด้วยความไม่ประมาท และนำมาปรับสอนใช้ในหน้าที่อาจารย์คณะบริหารธุรกิจ ให้สัมพันธ์ได้กับหลายวิชา ซึ่งสามารถต่อยอดไปถึงมุมมองด้านการขาย และ การสื่อสารการตลาด ให้รู้เท่าทันกับโลกปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

3. ความเห็น/ข้อเสนอแนะอื่นๆ

มหาวิทยาลัยควรส่งเสริมให้บุคคลากร อาจารย์ เจ้าหน้าที่ ได้เข้าร่วมอบรมสัมมนาในหลักสูตรระยะยาว  ซึ่งเป็นการช่วยเปิดมุมมองความคิด และสามารถปรับปรุงตนเองให้เท่าทันสถานการณ์ มีความรอบรู้ในการชี้แนะต่อนักศึกษา และเชื่อมโยงศาสตร์ที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน เป็นการบูรณาการการเรียนรู้ที่สำคัญ

ข้อความนี้ถูกเขียนใน ทั่วไป คั่นหน้า ลิงก์ถาวร

หนึ่งความเห็นตอบกลับที่ แบ่งปันจากการสัมมนาเรื่อง “เพาะหุ้นเป็น เห็นผลยั่งยืน”

  1. บุรินทร์ พูดว่า:

    การเล่นหุ้น
    ในสายบริหาร เป็นโอกาสที่หลาย ๆ คนคว้าไว้
    เห็นตัวอย่างมากมายที่ผู้คนร่ำรวยด้วยหุ่น
    หนังสือที่ se-ed ก็เยอะครับ เห็นบ่อย
    เพราะทุ่มหมดตัว ก็จะได้มาเท่าตัวกันเลยทีเดียว
    แต่มีคำเตือนในทุกการพูดคุยว่า การลงทุนมีความเสี่ยง
    ผมชอบฟังคนที่ล้มเหลว มากกว่าคนที่สำเร็จ
    เพราะเตือนให้เรารู้ว่าเขาไปถึงไหน แล้วกลับออกมาอย่างไร

ใส่ความเห็น