สิทธิโชค โควาบุญพิทักษ์
เปรียบเทียบการใช้งานโปรแกรมตัดต่อแบบมืออาชีพ ปี 2021 ระหว่าง
DaVinci Resolve VS Adobe Premiere Pro
โปรแกรมตัดต่อวีดีโอที่ใช้ในบ้านเรา ที่เป็นที่นิยมอย่างสูงในระดับมืออาชีพ มีอยู่ 3-4โปรแกรม ที่เราจะคุ้นหูคุ้นตา เช่น Final Cut Pro X จากการสร้างสรรค์เวิร์คโฟลว์ สำหรับวีดีโอดิจิตอล จากทางฝั่ง Apple และอีกสองค่ายดังที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้คือ DaVinci Resolve จากทางฝั่งของ Blackmagic Design (บริษัทผู้ผลิต ภาพยนตร์ดิจิทัลของออสเตรเลีย ตั้งอยู่ในพอร์ตเมลเบิร์น รัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย ออกแบบและผลิตฮาร์ดแวร์สำหรับการออกอากาศ และภาพยนตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกล้องถ่ายภาพยนตร์ดิจิทัลระดับไฮเอนด์ ยี่ห้อ Blackmagic ) และ Premiere Pro (Adobe Systems บริษัทซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองแซนโฮเซในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา )
Davinci Resolve มีชื่อเสียงในฐานะเครื่องมือตัดต่อวิดีโอที่ซับซ้อนในระดับมืออาชีพ Davinci Resolve 16 ที่อัพเดทล่าสุดมีคุณสมบัติอยู่ในขั้นสูง มีแพลตฟอร์มการเกรดสี เป็นที่ได้รับการยอมรับ ซึ่งตอนนี้สามารถทำให้เปรียบเทียบกับ Premiere Pro ซึ่งเป็นบรรทัดฐานในงานตัดต่อวีดีโอได้
Adobe Premiere Pro เราจะจดจำได้จากการเป็นซอฟต์แวร์ที่เป็นเครื่องมือแก้ไข ตัดต่อวีดีโอบนไทม์ไลน์ และยังมีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมอีกมากมาย ทีนี้เราจะมาลองเปรียบเทียบทั้งสองโปรแกรมนี้กัน
การเปรียบเทียบพื้นฐานในส่วนที่ 1: Davinci Resolve VS Premiere Pro –
การเปรียบเทียบคุณสมบัติหลักที่เกี่ยวข้องกับ Davinci Resolve และ Premiere Pro
- ทั้ง Davinci Resolve และ Premiere Pro ออกแบบมาเพื่อนักตัดต่อในระดับมืออาชีพ
- Davinci Resolve มีรุ่นฟรีให้ทดลองใช้ (จะตัดคุณสมบัติบางตัวออกไป แต่โดยส่วนตัวคิดว่าไม่มีปัญหามากมาย) และ Premiere Pro ไม่มีฟรี ต้องจ่ายเงินอย่างเดียว แต่…
- Premiere Pro สามารถสมัครเป็นรายเดือน (จาก $ 20 – $ 50 ต่อเดือน) หากเป็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา ก็จะมีราคาพิเศษให้ต่างหาก
- Davinci Resolve มาพร้อมกับการชำระเงินล่วงหน้าครั้งเดียว (จาก $ 299) หรือได้ซอฟต์แวร์จากการซื้ออุปกรณ์กล้อง เช่นซื้อกล้องBlackmagic ก็จะแถมโปรแกรมในฉบับเต็มมาให้
- การ Render งาน Davinci Resolve จะมีความเร็วการ Render งานที่ดีกว่า Premiere Pro
- Davinci Resolve เข้ากันได้กับ Windows, Mac และ Linux
- Premiere Pro สามารถใช้งานได้กับ Windows และ Mac
ข้อดีของ Davinci
- ข้อแรกเลยคือ Davinci Resolve มาพร้อมกับรุ่นฟรี สามารถหาโหลดได้เลย โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
- สามารถMix เสียงและวิดีโอรวมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
- หน้าตาของโปรแกรมดูค่อนข้างง่าย เมื่อเทียบกับโปรแกรมตัดต่อมืออาชีพอื่น ๆ(แต่ลงมือทำจะรู้ถึงความซับซ้อนของโปรแกรมได้อย่างดี)
- มีคุณสมบัติการเกรดสีที่ยอดเยี่ยม ควบคู่ไปกับแพลตฟอร์มการแก้ไข ที่ดีมาก
- สามารถทำงานร่วมกับโปรแกรมตัดต่อวิดีโอมืออาชีพอย่างโปรแกรม Final Cut Pro และ Avid Media Composer ได้อย่างลงตัว ทั้งยังข้ามค่ายส่งงานไปใช้ในPremier Pro ได้ด้วย
- ในโปรแกรมเดียวสามารถทำทุกอย่างได้ครบหมด ทั้งภาพ เสียง ตัวหนังสือและ Effect ต่างๆ(ขณะที่ Premiere Proต้องอาศัยจากโปรแกรมอื่นเช่น After Effects)
- สามารถตัดต่อ ทำสี ทำเพลง ทำCG. ได้พร้อมๆกันจากหลายๆเครื่อง(โปรแกรมเต็ทเท่านั้น)
ข้อเสียของ Davinci
- Davinci Resolves ต้องการใช้คอมพิวเตอร์ที่มีความแรงและประสิทธิภาพระดับสูงในการทำงาน
- เครื่องมือนี้ไม่ได้มาพร้อมกับลิงก์ไปยังแพลตฟอร์ม After Effects (ซึ่งDavinci เองก็มีหน้าต่างการทำ Effect รองรับอยู่แล้ว)
ข้อดีของ Premiere Pro
- สามารถทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นอื่นๆที่หลากหลายเช่น Adobe Photoshop, Soundbooth เป็นต้น
- สามารถทำงานร่วมกับ Adobe CC (Creative Cloud)
- เช่นเดียวกันกับ Davinci Resolve เครื่องมือนี้สามารถเข้ากันได้กับ Avid Media Composer และ Final Cut Pro
- มีการรวมเข้ากับเครื่องมือเสียงและวิดีโอของ Adobe อย่างสะดวก
จุดด้อย
- Adobe Premiere Pro มาพร้อมกับราคาค่าตัวค่อนข้างสูง
- การปรับแต่ง หรือเกรดสี ยังไม่มีความละเอียดในเครื่องมือการเกรดสีเท่า Davinci Resolve
ส่วนที่ 2 การเปรียบเทียบความสมบูรณ์ของโปรแกรม Davinci Resolve VS Premiere Pro
การเปรียบเทียบคุณสมบัติหลักในที่นี้เราจะเปรียบเทียบคุณสมบัติหลักที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือแก้ไขวิดีโอทั้งสองนี้
multicamera
ทั้งสองโปรแกรมนี้เข้ากันได้กับโหมดมัลติโหมด Premier Pro คลิปจะถูกนำไปที่ไทม์ไลน์และไปยังโหมดมัลติโหมด, Davinci Resolve กระบวนการค่อนข้างยาว โดยเราต้องเลือกคลิปวิดีโอจากหน้าMediaก่อน จากนั้นย้ายไปยังกระบวนการสร้างคลิปมัลติคาเมร่า สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือ Premiere Pro สามารถใช้กับกล้องได้ไม่จำกัดจำนวน Davinci Resolve จำนวนจะถูกจำกัด ไว้ที่ 16 กล้องเท่านั้น
การร่วมกันกับโปรแกรมอื่นๆ
Premiere Pro มีเครื่องมือที่สามารถใช้ด้วยกันได้กับโปรแกรมอื่นๆในค่ายของ Adobe ได้เป็นอย่างดี ในส่วนของDavinci Resolve นั้นมีความสามารถในการจัดการกับเครื่องมือตัดต่อ แก้ไขต่างๆ ที่รวดเร็ว(สามารถจบได้ในโปรแกรมเดียว) ขณะที่ Premiere Pro สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องมืออย่าง Audition และ Photoshop, After Effects, SpeedGrade ได้
Text
Adobe Premiere สามารถเข้าถึงตัวหนังสืออันหลากหลาย สามารถเคลื่อนไหวได้ นอกจากนั้นยังมีเทมเพลตที่ให้เราสร้างสรรค์งานได้หลากหลาย การผสานรวมกับ Adobe After Effects ทำให้สามารถสร้างวีดีโอที่เยี่ยม ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนสีของตัวหนังสือ โดยใช้ Adobe Premiere นั้นทำได้ง่ายมาก ขณะที่ Davinci Resolve ทำตัวหนังสือได้ในระดับพื้นฐานเท่านั้น แต่หากเราต้องการสร้างตัวหนังสือที่สร้างสรรค์ยิ่งขึ้น ต้องทำการแก้ไขโดยใช้หน้าต่าง Fusion
Out put
สำหรับ Adobe Premiere Pro มีความสามารถในการประมวลผลโปรแกรม Media Encoder ของ Adobe Adobe ผสานรวมกับรูปแบบไฟล์ยอดนิยมทั้งหมดได้อย่างลงตัว สามาถส่งออกไฟล์งานได้หลากหลาย Format
สำหรับ Davinci Resolve มีข้อดีตรงที่สามารถส่งไฟล์งานไปทำยังโปรแกรม
อื่นๆได้อย่างง่ายดาย และสามารถส่งออกไฟล์งานได้หลากหลาย Format เช่นกัน
คุณสมบัติหลักของ Adobe Premiere Pro
- มาพร้อมกับการรวมเข้ากับเครื่องมือซอฟต์แวร์อื่น ๆ ของ Adobe อย่างสมบูรณ์แบบ
- Adobe Premiere Pro สามารถจัดการรูปแบบไฟล์ RAW ได้เช่นกัน
- อินเทอร์เฟซที่สะดวกสบาย ช่วยให้เราสามารถเรียกดูไฟล์ต่าง ๆ (โครงการปัจจุบันที่คุณทำ)
- เข้าถึงเอฟเฟกต์จำนวนมากตามที่ต้องการ
คุณสมบัติหลักของ Davinci Resolve
- มีฟีเจอร์การเกรดสีที่ยอดเยี่ยม
- Tracking สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของฉากภายในได้อย่างสะดวก
- Davinci Resolve studio ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นพร้อมกับการ์ดกราฟิกคู่ในเวลาเดียวกัน
- มีเวอร์ชั่นฟรีให้ทดลอง
ความจริงก็คือไม่มีซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอที่สมบูรณ์แบบที่สุด ซอฟต์แวร์ทุกตัวที่เรามี มีข้อเสียอย่างแน่นอน ดังนั้นสิ่งที่เป็นประโยชน์มากที่สุดคือการซื้อหาเครื่องมือที่มีข้อเสียน้อยที่สุด ทั้ง Adobe Premiere Pro และ Davinci Resolve เป็นเครื่องมือตัดต่อวิดีโอที่ยอดเยี่ยมซึ่งมีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตามสุดท้ายงานตัดต่อจะออกมาดีไม่ดี ไม่ได้อยู่ที่ตัวโปรแกรมเพียงอย่างเดียว อยู่ที่คนตัดต่อ คนใช้เครื่องมือด้วย การเลือกใช้โปรแกรมใดๆ อาจย่อมขึ้นอยู่กับความชอบความถนัดในแต่ละคนด้วยเช่นกัน