KM เครื่องมือช่วยพัฒนาข้อเสนอโครงการวิจัยเพื่อชุมชน (CBR) Logical Framework, Outcome Mapping และ Outcome Chain

ดร.ธีร์ คันโททอง

ก่อนที่นักวิจัยชุมชนจะจัดทำโครงการวิจัยเพื่อชุมชนนั้น สิ่งแรกที่มีความสำคัญที่สุดคือ การลงพื้นที่เพื่อศึกษาปัญหาของชุมชนโดยต้องให้ชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน ซึ่งทั้งหมดนี้ชาวชุมชนควรได้เข้ามามีส่วนร่วมเพราะว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholders) โดยตรง การใช้เครื่องมือเพื่อช่วยในการรวบรวมข้อมูลเพื่อพัฒนาหัวข้อวิจัยชุมชนนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเตรียมเสนอโครงการวิจัยในรูปแบบการวิจัยเพื่อท้องถิ่น หรือ CBR ซึ่งเป็นรูปแบบโครงการวิจัยที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มพลังทางปัญญาให้กับชาวบ้าน โดยการมีปฏิบัติการให้ชาวบ้านได้เข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่คิดถึงปัญหาของการวิจัย วิธีการวิจัย และสรุปผลการวิจัย ซึ่งชาวบ้านจะต้องเข้ามีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของการวิจัยเพราะเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง หรือเรียกว่าเป็นงานวิจัยปฏิบัติการเพื่อการพัฒนาชุมชนหรือ วิจัยไทบ้านก็ได้ และในการเก็บรวบรวมข้อมูลในเบื้องต้นก่อนจัดทำโครงร่างโครงการวิจัยผู้เขียนขอแนะนำเครื่องมือในการรวบรวมข้อมูลนี้ 3 เครื่องมือด้วยกัน ได้แก่ Logical Framework (ตารางเหตุผลสัมพันธ์), Outcome Mapping (แผนที่ผลลัพธ์) และ Outcome Chain (ห่วงโซ่ผลลัพธ์)

เครื่องมือที่ช่วยในการรวบรวมข้อมูลเพื่อพัฒนาข้อเสนอโครงการวิจัยเพื่อชุมชน หรือ CBR 

  1. Logical Framework (ตารางเหตุผลสัมพันธ์)

ในการเก็บรวบรวมข้อมูลต้องเริ่มต้นจาก ต้นไม้แห่งปัญหาและสาเหตุ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนที่แสดงให้เห็นถึงความชัดเจน ของปัญหาและสาเหตุ จัดลำดับความสำคัญของปัญหา การเชื่อมโยงของปัญหาและสาเหตุ ชุมชนเห็นแนวทางในการดำเนินการแก้ไขปัญหา รวมถึงสร้างความเข้าใจระหว่างผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม และยังสร้างการมีส่วนร่วมในการวิเคราะห์ปัญหาร่วมกันของทุกกลุ่มอีกด้วย

จากภาพ ขั้นต้นที่ 1 คือ การกำหนดปัญหาใหญ่และสำคัญของชุมชน เช่น ขยะ, มลภาวะ, การเผาป่า เป็นต้น ซึ่งก็เปรียบได้กับลำต้นของต้นไม้ปัญหานั่นเอง

ขั้นตอนที่ 2 คือ เมื่อกำหนดปัญหาใหญ่และสำคัญที่ชุมชนต้องการแก้ปัญหาได้แล้ว ก็เริ่มจากการหาสาเหตุหลักของปัญหาขึ้นมามาก่อน ซึ่งจะต้องเป็นสาเหตุที่สำคัญๆ ที่ทำให้เกิดปัญหาของชุมชน และสำคัญที่ส่งผลกระทบทำให้เกิดปัญหาใหญ่ที่ชุมชนต้องการแก้ไข โดยจะอาจจะมี 2-3 สาเหตุหลักๆ ที่สำคัญๆ เท่านั้น

ขั้นตอนที่ 3 เมื่อได้สาเหตุหลักๆ ของปัญหาใหญ่แล้วก็ให้เจาะลึกลงไปของแต่ละสาเหตุหลักว่า มีสาเหตุย่อยๆ อะไรอีกบ้าง ซึ่งแต่ละสาเหตุหลัก อาจจะมีสาเหตุย่อยอีก 2-3 ข้อ

ทั้งนี้ สาเหตุหลักและสาเหตุย่อย ก็เปรียบได้กับรากของต้นไม้ปัญหานั่นเอง

ขั้นตอนที่ 4 การ Log Frame คือ การเชื่อมโยงระหว่าง สาเหตุหลัก ที่ส่งผลกระทบและการกำหนดวิธีการแก้ปัญหาเป็นแผนกิจกรรมออกมา ดังตัวอย่างจากรูป

หมายเหตุ: แผนกิจกรรม 1 จะจัดทำขึ้นเพื่อแก้สาเหตุของปัญหา 1 แต่แผนกิจกรรมหนึ่งแผน อาจจะแก้ปัญหาสาเหตุย่อยของปัญหาได้มากกว่า 1 สาเหตุก็ได้

ทั้งนี้สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการทำ  Log Frame ก็คือ

  • Player หรือ ผู้พยายามแก้ไขปัญหา จำนวน 3 กลุ่ม
  • Partner หรือ ภาคีที่ทำงานร่วมกัน จำนวน 2 กลุ่ม
  • Output / Outcome และ Impact

1.1 Player หรือ ผู้พยายามแก้ไขปัญหา จำนวน 3 กลุ่ม

1.2 Partner หรือ ภาคีที่ทำงานร่วมกัน จำนวน 2 กลุ่ม ได้แก่

1.3 Output / Outcome และ Impact

หมายเหตุ : ตัวชี้วัดต้องวัดผลได้จริง

: กิจกรรมเพื่อแก้ปัญหา 1 จะสัมพันธ์กับผลลัพธ์ที่ได้ Outcomes 1 เป็นต้น

  1. Outcome Mapping (แผนที่ผลลัพธ์)

  1. Outcome Chain (ห่วงโซ่ผลลัพธ์)

ทั้งนี้เครื่องมือทั้ง 3 เครื่องมือนี้จะช่วยให้ผู้วิจัยได้ข้อมูลถึงปัญหาของชุมชนที่แท้จริงซึ่งเกิดจากการมีส่วนร่วมของชาวชุมชนเอง และจะเป็นประโยชน์ต่อการจัดทำโครงการวิจัยเพื่อชุมชน (CBR) เพื่อเสนอของบประมาณจากภายนอกต่อไป

เอกสารอ้างอิง

  1. โปสเตอร์ประชาสัมพันธ์

  1. รับฟังการอบรมเพิ่มเติมได้ที่

https://www.facebook.com/cmusecenter/videos/231538668190881

 

ข้อความนี้ถูกเขียนใน คณะนิเทศศาสตร์, แนวทางการผลิตงานวิจัยเพื่อเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการ คั่นหน้า ลิงก์ถาวร

ใส่ความเห็น