วันที่ 7 ที่ลียง

PictDay6วันนี้เป็นวันแรกที่ได้ใช้เวลาทั้งวันอยู่ที่มหาวิทยาลัยลียง 2 (Universite Lumiere Lyon 2) ได้พบนักศึกษาที่กำลังทำวิจัยระดับปริญญาเอกอยู่หลายคน มีทั้งคนไทย จีน และมุสลิมแถบตะวันออกกลาง ทุกคนจะใช้เวลาทั้งวันหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องปฏิบัติการวิจัย (Research Lab) เพื่อทำวิทยานิพนธ์ บางคนก็มาในฐานะ PostDoctoral คือ จบปริญญาเอกแล้วมาทำวิจัยในเชิงลึกของสาขาที่จบมา โดยทางมหาวิทยาลัยจะมอบหมายงานวิจัยให้คนละ 1 โครงการ โดยจะได้รับทุน Erasmus เดือนละ 2500 ยูโร เป็นเวลา 10 เดือน ได้พบอาจารย์ที่เคยไปสอนที่เชียงใหม่ ชื่อ Professor Abdelaziz BOURAS ในวิชา KM in IT และเป็นหัวหน้าโครงการวิจัย Sustainable E-Tourism ที่เรามาในครั้งนี้ เลยขอถ่ายภาพคู่หน้าอาการ IUT Lumiere อาจารย์เป็นคนเก่งมาก (โดยเฉพาะการทำวิจัย) ทั้งๆที่อายุเพิ่งจะ 40 กว่าๆ แต่ได้ตำแหน่งศาสตราจารย์มหาวิทยาลัย (Professor Universite) ซึ่งได้ยากมาก มีโอกาสได้ MSN คุยกับวิเชพ ทำให้ได้รู้ความเปลี่ยนแปลงและความเป็นไปที่โยนกบ้าง เดี๋ยวจะตกข่าว ช่วงพักเที่ยงอาจารย์ ม.ช. ที่มาด้วยกัน (อ.ภราดร) และนักวิจัยในห้อง Lab ชวนกันมาทานอาหารกลางวันที่ Canteen ของมหาวิทยาลัย ซึ่งผู้ที่จะมาทานได้ต้องมีบัตรนักศึกษาหรือเป็นอาจารย์เท่านั้น เพราะเวลาจ่ายเงิน จะใช้บัตรนักศึกษาซึ่งเป็นเหมือนบัตรเดบิตบ้านเรา ไม่มีการใช้เงินสด อาหารตามภาพราคา 3 ยูโรกว่าๆ ซี่งถือว่าถูกมาก ถ้าเป็นร้านข้างนอกอย่างน้อยก็ 6-7 ยูโรแน่นอน วันนี้ได้ลิ้มรสสปาเก็ตตี้ปลา ก็งั้นๆ แหละ สู้ข้าวมันไก่พงษ์หลีหน้าแบ้งค์ชาติไม่ได้เลย เสร็จแล้วกลับมาที่ห้อง Lab ใช้คอมพิวเตอร์ต่อ สักพักมองไปที่หน้าต่างเห็นใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนสี เลยชักภาพมาให้ดูกัน เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง แต่อย่าให้จิตใจเราเป็นเหมือนใบไม้แล้วกัน ยังไงก็ต้องสู้ต่อไปนะ ถึงเวลา 5 โมงเย็น เข้าไปนั่งฟัง อ.ภราดรทดลอง Present วิทยานิพนธ์กับ Prof. Aziz และ Dr.Yazin ทำให้เห็นแก่นแท้ของชีวิตเลยว่า เรียนปริญญาเอกที่นี่เขาเข้มจริงๆ ลืมบอกไปว่า อ.ภราดร ที่มาด้วยกัน เรียนปริญญาเอกพร้อมกัน 2 ที่ ดังนั้น จะได้ปริญญาเอกพร้อมกัน 2 ใบ คือที่ ม.ช. และที่ Lyon2 ด้วย ผมเองขอที่ ม.ช. ใบเดียว ก็แทบกระอักเลือดแล้ว อย่างนี้ไม่รู้เรียกว่า แก่เกินเรียนไปแล้วหรือเปล่า ก่อนจากกันวันนี้ อยากเล่า 2 เรื่องที่ไม่ประทับใจที่นี่ คือ ผู้คนสูบบุหรี่กันเยอะมาก แม้แต่ผู้หญิงที่หน้าตายังดูเด็กอยู่เลยก็ไม่เว้น เราต้องคอยหลบควันบุหรี่อยู่บ่อยๆ อีกเรื่อง เวลาเดินไปไหนต้องคอยระวังกองอุจจาระสุนัข ที่นี่แปลกมากกฏหมายต่างๆ ดีหมด แต่ไม่มีบทลงโทษคนที่จูงหมาไปที่สาธารณะ แล้วเจ้าสุนัขเกิดขับถ่ายขึ้นมา ก็ปล่อยเรี่ยราดกลางถนน ซึ่งผิดกับอเมริกาในข้อนี้มาก อย่างว่านั่นแหละ ทุกอย่างในโลกนี้มักมี 2 ด้านเสมอ ขาวกับดำ ดีกับชั่ว สว่างกับมืด มนุษย์จึงต้องปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์ให้ได้ ไม่เช่นนั้นแล้ว “คุณอยู่ เราไป” หรือ “คุณไปเราอยู่”

เรื่องนี้ถูกเขียนใน คอมพิวเตอร์ธุรกิจ และติดป้ายกำกับ คั่นหน้า ลิงก์ถาวร

2 ตอบกลับไปที่ วันที่ 7 ที่ลียง

  1. เห็น research lab แล้ว ผมว่าไม่เป็นส่วนตัวนะครับ ผมชอบแบบการจัดโต๊ะของ อ.วิเชพ ใจบุญ ดูเป็นสัดเป็นส่วน เหมาะแก่การค้นคว้ามากกว่าครับ .. แต่ถ้ามอง research lab ในเรื่องของ KM ก็ไม่น่าได้ เพราะผู้เข้ามาทำวิจัยไม่ได้มากันเป็นกลุ่ม เห็นอาจารย์บอกว่า เขามาตามหัวข้อของเขา การทำเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ด้วยประเด็นที่สนใจแตกต่างกัน คงไม่สะดวกนัก ไม่เหมือนคณะเรา อยู่กันเป็นทีม คุยกันเรื่องคณะ นักศึกษา และมหาวิทยาลัยทุกวัน ทำ km กันได้ครับ เพราะมีเป้าหมาย และฝันร่วมกัน .. เรื่องจัดโต๊ะนี่มองกันได้หลายมุมนะครับ

  2. atichart พูดว่า:

    เห็นด้วยเหมือนเก๋ แต่เชื่อมั๊ย คนที่นี่เวลาทำงาน ทำจริงๆ ในห้องนั่งกันแออัดมาก แต่เงียบมาก แต่ยังไงผมก็ไม่ค่อยชอบเท่าไร ดูมันอึดอัดและเครียดมากในการทำงาน ของเราเคยอยู่กันมาอย่างนี้จนเคยชินมากกว่า

ใส่ความเห็น