
รวมภาพจากพิธีฯ

รวมภาพจากพิธีฯ
วันนี้มาเรียนรู้เรื่อง Blog จาก คุณครูเปรม ได้ความรูัเพิ่ม และสนุกสนาน เบิกบานดีจังเลย
ขอบคุณคุณครูเปรมและทีมงานทุกคนที่ดูแลในการเรียนรู้ครั้งนี้
ป้าจี๋ (อ. ดิลกา)
1 วารสารมหาวิทยาลัยเนชั่น

รวมภาพจากพิธีฯ
2
การคำนวณจำนวนนักศึกษาเต็มเวลาเทียบเท่า (FTES)
ความหมายของการเรียนสัมมนา




แนวทางปฏิบัติการประกันคุณภาพการศึกษาคณะวิทยาศาสตร์สุขภาพ
เพื่อให้การดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพครอบคลุมทั้งการควบคุมคุณภาพ การประเมินคุณภาพการศึกษา และการติดตามตรวจสอบคุณภาพ ทั้งระดับหลักสูตร และระดับคณะ
2.1 ดำเนินการควบคุมคุณภาพ โดยการกำหนดนโยบาย องค์ประกอบและตัวบ่งชี้คุณภาพ ผู้รับผิดชอบและการใช้ตัวบ่งชี้คุณภาพในการดำเนินงานให้ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด
2.2 ดำเนินการประเมินคุณภาพ โดยการประเมินการทำงานตามเกณฑ์คุณภาพของตัวบ่งชี้ และตัดสินใจในการประเมินผลการดำเนินงานตามร่องรอยหลักฐาน การสัมภาษณ์ หรือสิ่งที่ปรากฏเป็นหลักฐาน
2.3 ดำเนินการติดตามตรวจสอบคุณภาพ โดยการตรวจสอบการดำเนินงานตามระบบกลไกในการควบคุมคุณภาพ และผลการประเมินคุณภาพการศึกษาทั้งในระดับหลักสูตร และระดับคณะ เพื่อให้เกิดการพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่มีมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง
คุณภาพการศึกษา หมายถึง คุณลักษณะที่พึงประสงค์ตาม ปรัชญา วิสัยทัศน์ และพันธกิจของการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาของแต่ละคณะและสถาบัน ที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาการอุดมศึกษาของประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ
การประกันคุณภาพการศึกษา หมายถึง การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาในระดับอุดมศึกษา
ระบบและกลไก หมายถึง ขั้นตอนการดำเนินงานต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์ และเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ โดยอาศัยบุคลากร ทรัพยากร ระเบียบ แนวปฏิบัติ และปัจจัยต่างๆ เป็นกลไกในการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมาย
การควบคุมคุณภาพการศึกษา หมายถึง การมีระบบและกลไกในการควบคุมคุณภาพแต่ละองค์ประกอบ เพื่อกำกับการดำเนินงานของหลักสูตรและคณะ ให้ได้ผลตามเกณฑ์ตัวชี้วัดคุณภาพที่กำหนด
การประเมินคุณภาพการศึกษา หมายถึง กระบวนการวิเคราะห์ผลการดำเนินงานและผลลัพธ์ของการบริหารคณะและสถาบัน ให้มีคุณภาพตามเกณฑ์ตัวชี้วัดคุณภาพที่กำหนด
การติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษา หมายถึง กระบวนการในการกำกับ ติดตาม วิเคราะห์ และปรับปรุงการดำเนินงาน เพื่อให้ได้ผลการดำเนินงานและผลลัพธ์ตามเกณฑ์คุณภาพของระบบและกลไกควบคุมคุณภาพ
องค์ประกอบคุณภาพ หมายถึง ปัจจัยหลักในการดำเนินงานเพื่อให้ได้คุณภาพการศึกษาในระดับหลักสูตรและระดับคณะ
เกณฑ์ตัวบ่งชี้คุณภาพ หมายถึง ตัวชี้วัดการดำเนินงานตามองค์ประกอบคุณภาพ ที่ใช้สำหรับการประเมิน และติดตามตรวจสอบการดำเนินงานด้านคุณภาพการศึกษาของหลักสูตรและคณะ
4.1 คณบดี
4.2 ผู้รับผิดชอบหลักสูตรทุกหลักสูตร
4.3 อาจารย์ประจำหลักสูตรทุกคน
4.4 บุคลากรสายสนับสนุนทุกคน
5.1 กฎกระทรวง เรื่องการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2561. (2561). [ระบบออนไลน์]. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/A/011/3.PDF
5.2 สำนักมาตรฐานและประเมินผลอุดมศึกษา. (2557). คู่มือการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษาระดับอุดมศึกษา ฉบับ 2557. กรุงเทพฯ : ห้างหุ้นส่วนจำกัดการพิมพ์.
ขั้นตอนการดำเนินงานตามระบบประกันคุณภาพการศึกษา คณะวิทยาศาสตร์สุขภาพ

รายละเอียดเอกสารประกอบ แนวทางการดำเนินงานตามระบบประกันคุณภาพคณะวิทยาศาสตร์สุขภาพ เพิ่มเติม คลิกที่นี่
ตอนที่ 1 เทคนิคการตั้งชื่อหัวข้องานวิจัย
การตั้งชื่อหัวข้องานวิจัย จะต้องมีองค์ประกอบ 2 ส่วน ด้วยกันคือ
1.ส่วนที่เป็นประเด็น หรือตัวแปรที่ศึกษา และ
2.ส่วนที่เป็นประชากรที่จะศึกษา (ชูศรี วงศ์รัตนะ, 2549)
ตอนที่ 2 เทคนิคการเขียนภูมิหลังงานวิจัย
การเขียนภูมิหลังงานวิจัย ต้องเขียนให้ครบ 5 ประเด็น หรือเขียนเป็น 5 ย่อหน้า
2. ภูมิหลัง (ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา)
2.1 ประเด็นที่ควรเขียนในภูมิหลัง
2.1.1 ประเด็นความสำคัญของตัวแปรตามที่เลือกมาศึกษา
2.1.2 ประเด็นสภาพปัญหา และที่มาของปัญหาที่พบในกลุ่มประชากร
ก. มีผู้วิจัยไว้แล้ว (ต้องอ้างอิงผลการวิจัย) (ไม่ควรอ้างงานวิจัยระดับเดียวกันกับงานวิจัยที่ทำ)
ข. ผู้วิจัยสำรวจเอง (ต้องแสดงผลการสำรวจ)
ค. ผู้รู้หรือผู้เชี่ยวชาญเขียนไว้ (ต้องอ้างอิงเอกสาร) (ควรเป็นระดับรศ. ขึ้นไป)
2.1.3 ประเด็นแนวทางการวิจัย ที่ได้จากการศึกษาเอกสารและงานวิจัย
แนวทางที่ 1 ต้องการอธิบายหรือทำความเข้าใจ กับตัวแปรตามที่เลือกมาศึกษา
แนวทางที่ 2 ต้องการอธิบายผลของตัวแปรอิสระ ที่มีต่อตัวแปรตามโดยใช้วิธีทดลอง
2.1.4 ประเด็นคำถามการวิจัยที่ต้องการหาคำตอบ
2.1.5 ประเด็นเมื่อได้คำตอบแล้วจะเชื่อมโยงกับงานวิจัยที่มีอยู่แล้วได้อย่างไร และนำไปใช้ประโยชน์ในแง่ใดกับใครและหน่วยงานใดบ้าง
(ที่มา : เทคนิคการเขียนเค้าโครงงานวิจัย, ชูศรี วงศ์รัตนะ, 2549)
ตอนที่ 3 เทคนิคการเขียนวัตถุประสงค์งานวิจัย
3.1 เทคนิคการเขียน คือ เขียนบรรยายเป็นข้อๆ ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ศึกษาเรื่องอะไร กับใคร และในแง่มุมใด
3.2 หลักการเขียน คือ ต้องสอดคล้องกับคำถามวิจัยหรือประเด็นที่ผู้วิจัยใคร่รู้ ใน 4 ลักษณะ
ก. การวิจัยแบบสำรวจ
ข. การวิจัยแบบเปรียบเทียบ
ค. การวิจัยแบบทดลอง
ง. การวิจัยแบบความสัมพันธ์
3.3 ต้องสอดคล้องกับหัวข้อและส่วนอื่นๆในโครงร่างงานวิจัย
(ที่มา : เทคนิคการเขียนเค้าโครงงานวิจัย, ชูศรี วงศ์รัตนะ, 2549)
ตอนที่ 4 เทคนิคการตั้งสมมุติฐานสำหรับงานวิจัย
4.1 สมมุติฐาน คือ คำตอบที่ผู้วิจัยคาดคะเนไว้ล่วงหน้าอย่างมีเหตุผล เพื่อตอบความมุ่งหมาย (วัตถุประสงค์) ของการวิจัยที่ตั้งไว้
4.2 สมมุติฐานการวิจัย มี 2 ชนิด
ก. แบบมีทิศทาง
ถ้าเป็นการวิจัยเปรียบเทียบ จะมีคำว่า “มากว่า”, “น้อยกว่า”, “สูงกว่า”, “ต่ำกว่า” อยู่ในสมมุติฐานนั้น
ถ้าเป็นการวิจัยแบบหาความสัมพันธ์ จะมีคำว่า “สัมพันธ์กันทางบวก”, “สัมพันธ์กันทางลบ”
ข. แบบไม่มีทิศทาง
ถ้าเป็นการวิจัยเปรียบเทียบ จะมีคำว่า “แตกต่างกัน” อยู่ในสมมุติฐานนั้น
ถ้าเป็นการวิจัยแบบหาความสัมพันธ์ จะมีคำว่า “สัมพันธ์กัน”
4.3 ลักษณะของงานวิจัยที่ต้องตั้งสมมุติฐาน มี 3 ลักษณะ คือ
ก. แบบเปรียบเทียบ
ข. แบบหาความสัมพันธ์
ค. แบบทดลอง
(ที่มา : เทคนิคการเขียนเค้าโครงงานวิจัย, ชูศรี วงศ์รัตนะ, 2549)
ตอนที่ 5 กรอบแนวคิดงานวิจัย
5.1 กรอบแนวคิดการวิจัย (Conceptual Framework) เขียนในรูปองค์ประกอบ 3 ส่วน ดังนี้
ก. ปัจจัยนำเข้า (Input)
ข. กระบวนการ (Process)
ค. ผลผลิต (Output)
5.2 รูปแบบของการวิจัย (Model Research)
เป็นการนำส่วนที่เป็นกระบวนการ (Process) ตามกรอบแนวคิด (Conceptual Framework) มาขยายเป็นกระบวนการย่อย ที่ใช้ดำเนินงานวิจัย โดยใช้ทฤษฎีที่ได้ศึกษา มาจับหรือผสมผสานกัน
ตอนที่ 6 ขอบเขตในการวิจัย
6.1 ขอบเขตการวิจัยที่ต้องกำหนด
6.1.1 ประชากรที่ใช้ในการวิจัย
ก. ลักษณะของประชากร
ข. จำนวนประชากร (ถ้าหาได้)
6.1.2 กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย
ก. ขนาดของกลุ่มเป้าหมาย
ข. วิธีเลือกกลุ่มเป้าหมาย
6.1.3 ตัวแปรที่ศึกษา
6.1.3.1 ตัวแปรอิสระ (Independent Variable) คือ ตัวแปรที่เป็นเหตุ
6.1.3.2 ตัวแปรตาม (Dependent Variable) คือ ตัวแปรที่เป็นผล
6.2 ขอบเขตเพิ่มเติม (กรณีงานวิจัยเชิงทดลอง)
ก. ขอบเขตของเนื้อหาที่ใช้ในการทดลอง
ข. ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง
(ที่มา : เทคนิคการเขียนเค้าโครงงานวิจัย, ชูศรี วงศ์รัตนะ, 2549)
ตอนที่ 7 วิธีการวิจัย
7.1 ประชากร และกลุ่มตัวอย่าง
7.1.1 ประชากร (Population)
ก. ประชากรที่สามารถหาจำนวนที่แน่นอนได้
ข. ประชากรที่ไม่สามารถหาจำนวนที่แน่นอนได้
7.1.2 กลุ่มตัวอย่าง (Sample)
ก. ลักษณะของกลุ่มตัวอย่าง
1. บางส่วนของประชากร
2. เป็นตัวแทนที่ดีของประชากร
ข. หลักการเลือกกลุ่มตัวอย่าง
ประเภทที่ 1 เลือกโดยใช้ทฤษฎีความน่าจะเป็น
1. สุ่มอย่างง่าย (Sample Random Sampling)
2. สุ่มตามระดับชั้น (Stratified Random Sampling)
3. สุ่มแบบมีระบบ (Systematic Random Sampling)
4. สุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling)
ประเภทที่ 2 เลือกโดยไม่ใช้ทฤษฎีความน่าจะเป็น
1. เลือกตามสะดวก (Convenience Sampling)
2. เลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling)
3. เลือกแบบกำหนดสัดส่วน (Quota Sampling)
ค. การกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่าง (จำเป็นอย่างยิ่งกับงานวิจัยเชิงสำรวจ)
1. คำนวณจากสูตร
2. กำหนดเป็นร้อยละ
– ถ้าประชากรมีจำนวนเป็นร้อย ควรใช้กลุ่มเป้าหมายประมาณ 25%ของประชากรทั้งหมด
– ถ้าประชากรมีจำนวนเป็นพัน ควรใช้กลุ่มเป้าหมายประมาณ 10%ของประชากรทั้งหมด
– ถ้าประชากรมีจำนวนเป็นหมื่น ควรใช้กลุ่มเป้าหมายประมาณ 10%ของประชากรทั้งหมด
3. ใช้ตารางสำเร็จรูป
– ใช้ตารางของ Yamane เมื่อสถิติที่ใช้เป็นร้อยละ
– ใช้ตารางของ ศิริชัย กาญจนวาสีและคณะ เมื่อสถิติที่ใช้เป็นค่าเฉลี่ย
(ที่มา : เทคนิคการเขียนเค้าโครงงานวิจัย, ชูศรี วงศ์รัตนะ, 2549)
7.2 เครื่องมือวิจัย
7.2.1 การออกแบบสร้างเครื่องมือการวิจัย
ก. วิธีการเลือกเครื่องมือการวิจัย มีอยู่ 5 ประเภท ดังนี้
– แบบสอบถาม (Questionnaire) ขึ้นอยู่กับตัวแปร มี 3 ประเภท ดังนี้
– การสัมภาษณ์ (Interview)
– มาตราวัดเจตคติ หรือทัศนคติ (Attitude scale)
– การสังเกต (Observation)
– แบบทดสอบ (Test)
ข. การได้มาของเครื่องมือวิจัย มี 3 ช่องทาง ดังนี้
– ผู้วิจัยสร้างเองทั้งหมดตามนิยามศัพท์เฉพาะ เนื่องจากตัวแปรตามที่สนใจศึกษายังไม่มีใครศึกษา
– ผู้วิจัยสร้างเองโดยใช้วิธีปรับปรุงจากเครื่องมือของผู้วิจัยอื่น ที่วัดตัวแปรตัวเดียวกันหรือคล้ายคลึงกัน
– ผู้วิจัยใช้เครื่องมือของผู้วิจัยอื่นทั้งฉบับ เนื่องจากวัดได้ตรงนิยามและมีคุณภาพดี ลักษณะกลุ่มเป้าหมายเป็นลักษณะเดียวกันหรือคล้ายคลึงกันมาก
ค. คุณภาพของเครื่องมือวิจัยที่ดี มี 4 ข้อ ดังนี้
– ความเที่ยงหรือความตรง (Validity) คือ เครื่องมือที่วัดได้ครอบคลุมสิ่งที่ต้องการวัด โดยผู้เชี่ยวชาญไม่ต่ำกว่า 3 คน (เป็นเลขคี่เพื่อการสรุปผล) มีข้อแนะนำ 2 ข้อ ดังนี้
– อำนาจจำแนก (Discrimination)
– ความเชื่อมั่นหรือความเชื่อถือได้ (Reliability)
– ความยากง่าย (Difficulty) กรณีแบบทดสอบ
ง. วิธีสร้างเครื่องมือการวิจัย มี 8 ขั้นตอน ดังนี้
(ที่มา : เทคนิคการเขียนเค้าโครงงานวิจัย, ชูศรี วงศ์รัตนะ, 2549)

อธิการบดีของมหาวิทยาลัย ผศ.ดร.พงษ์อินทร์ รักอริยะธรรม
การใช้ internetของนักศึกษามหาวิทยาลัย
